ณัฐนี สิทธิสมาน

ณัฐนี สิทธิสมาน เกิดเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2491 เริ่มต้นชีวิตในวงการภาพยนตร์ตั้งแต่อายุประมาณ 20 ปี ด้วยการทำงานอยู่ในบริษัทอัศวินภาพยนตร์ ของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ทำหน้าที่จิปาถะตั้งแต่ช่างแต่งหน้าทำผมในกองถ่าย รวมถึงรับผิดชอบดูแลงานทั่วไปในบริษัท กระทั่งเมื่อ อัศวินภาพยนตร์ ได้เปิดโรงเรียนสอนการแสดงขึ้น เพื่อปั้นนักแสดงของบริษัทและส่งป้อนให้สายละครต่าง ๆ ณัฐนีจึงมีโอกาสได้เรียนรู้ทักษะด้านการแสดง และเข้ามารับบทเป็นตัวประกอบบ้างในบางครั้ง


ผลงานเรื่องสุดท้ายของบริษัทอัศวินภาพยนตร์ คือเรื่อง เงาะป่า (2523) ซึ่งเป็นการร่วมสร้างกับบริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล เป็นผู้กำกับร่วมกับ เปี๊ยก โปสเตอร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงถือเป็นเรื่องสุดท้ายที่ณัฐนีได้มีส่วนร่วมทำงานเบื้องหลัง และเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอได้เข้ามาเป็นนักแสดงสมทบในภาพยนตร์หลายเรื่องของไฟว์สตาร์ อาทิเช่น แก้ว (2523) วัยระเริง (2527) แรงหึง (2529) เป็นต้น


ปี พ.ศ. 2532 กลุ่มผู้สร้างในนามบริษัทกรุ๊ฟโฟร์ ได้มีความคิดที่จะสร้างหนังเกี่ยวกับผีปอบขึ้น เพื่อให้มีความแตกต่างจากหนังผีที่เคยมีมาก่อนอย่าง ผีแม่นาค กับ ผีกระสือ และได้ติดต่อให้ สายยนต์ ศรีสวัสดิ์ ที่มีประสบการณ์ทำงานละครมากว่า 10 ปี มารับหน้าที่เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ ซึ่งณัฐนีเป็นหนึ่งในนักแสดงที่สายยนต์หมายตาเอาไว้ตั้งแต่แรกให้มารับบทปอบ แต่คราวนั้นเธอได้ตอบปฏิเสธไปเพราะยังไม่มีคิวว่าง ทำให้ยังไม่ได้มีส่วนร่วมใน บ้านผีปอบ (2532) ต้นกำเนิดของภาพยนตร์ชุดที่สร้างชื่อเสียงให้เธอในเวลาต่อมา


แค่เพียงเปิดตัวฉายในรอบมิดไนท์ บ้านผีปอบก็ประสบความสำเร็จชนิดที่ผู้สร้างเองก็คาดไม่ถึง ก่อนจะกอบโกยรายได้มหาศาลจากต่างจังหวัด สายยนต์จึงได้รับอนุมัติให้สร้างภาค 2 ต่อทันทีในปีเดียวกัน และคราวนี้ก็ได้ณัฐนีมาร่วมแสดงสมใจ โดยเธอได้รับบทเป็นหมอคุณไสยที่ถูกอาคมย้อนเข้าตัวจนกลายเป็นปอบและมีท่าประจำตัว คือการยกนิ้วมือทั้งห้าขึ้นมาจีบเข้าหากัน เป็นสัญญาณว่าจะต้องมีคนถูกควักไส้ กลายเป็นที่มาของชื่อ ปอบหยิบ


แม้ในความเป็นจริง เส้นเรื่องหลักของ บ้านผีปอบ จะเป็นการถ่ายทอดวิญญาณอันดุร้ายของเจ้าแม่ดอยผีฟ้าจากปอบเอื้องสาย ไปสู่ตัวละครอื่น ๆ แต่เมื่อสายยนต์สร้างปอบหยิบขึ้นมาเป็นเส้นเรื่องรอง เพื่อเพิ่มความสนุกสนานตั้งแต่ภาคที่ 2 นี้ ตัวละครของณัฐนีกลับสามารถแย่งความโดดเด่นมาจากปอบเอื้องสาย ด้วยลีลาการวิ่งไล่กวดชาวบ้านสารพัดวิธี และกลายเป็นสัญลักษณ์ของหนังไปเสียเอง รวมทั้งทำให้บ้านผีปอบได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จนสายยนต์ต้องสร้างต่อไปถึงภาค 7 ในปี พ.ศ. 2535 ซึ่งจบลงด้วยการให้ปอบหยิบขี่สกูตเตอร์ตกหน้าผาจนเสียชีวิต (ไม่มีปอบหยิบในภาค 5 เพราะสร้างโดยทีมงานอื่น ในชื่อ พันธุ์ผีปอบ ‘34)


แต่บทบาทของณัฐนีก็โดดเด่นเกินกว่าจะสิ้นสุดลงเพียงแค่นั้น เพราะในปี 2535 นี้ เธอยังได้พาลีลาผีปอบไปปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์แนวเดียวกันอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนกำจัดปอบ แม่นาคเจอผีปอบ ปลุกผีมาจี้ปอบ และ สยองก๋อยส์ ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในบทบาทที่เธอแสดง อีกทั้งเมื่อมีผู้สร้างนำบ้านผีปอบกลับมาสร้างใหม่ ก็จำต้องปลุกผีปอบหยิบให้ฟื้นคืนชีพกลับมาในภาคที่ 9 และอยู่ยาวต่อเนื่องไปจนถึงภาคที่ 13 ในปี พ.ศ. 2537 (ไม่มีภาค 12 เพราะผู้สร้างไม่อยากให้เป็นปอบโหล) ส่งผลให้บ้านผีปอบกลายเป็นหนังไทยที่มีภาคต่อมากที่สุด ด้วยการแสดงอันเป็นเอกลักษณ์ของอดีตคนทำงานเบื้องหลังผู้นี้นี่เอง 


เวลาล่วงผ่านไปเกือบ 15 ปี ตำนานบ้านผีปอบถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ในชื่อ บ้านผีปอบ 2008 (2551) โดยใช้นักแสดงชุดใหม่ทั้งหมด ยกเว้นก็แต่สัญลักษณ์ของเรื่องอย่าง ณัฐนี สิทธิสมาน คนเดิม ในวัย 60 ปี เพราะกลุ่มผู้สร้างยังคงเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ไม่สามารถขาดปอบหยิบไปได้ แม้จะเป็นคนละตัวกับปอบหยิบในยุคก่อนก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ณัฐนียังพาปอบหยิบกลับมาอาละวาดใหม่ใน บ้านผีปอบ Reformation (2554) ด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น ทั้งทรงผมและเสื้อผ้า รวมไปถึงอุปกรณ์ไฮเทคสารพัด ตอกย้ำให้เห็นว่าตัวละครที่เธอสร้างขึ้นมานั้นยังคงเป็นอมตะอยู่เสมอในใจของผู้ชม ส่งผลให้เธอเป็นดาราที่ได้รับการจดจำมากที่สุดคนหนึ่งในโลกภาพยนตร์ไทย


เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2556 ณัฐนี สิทธิสมาน ได้เดินทางมาประทับรอยมือ รอยเท้า เป็นดาวดวงที่ 136 ณ ลานดารา



ชมภาพบรรยากาศกิจกรรมลานดารา ณัฐนี สิทธิสมาน ได้ที่ <<คลิก>>