[ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ เยือนจีน]

ฟิล์ม 16 มม. / สี / เสียง / 35.13 นาที

ผู้สร้าง บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด


ภาพยนตร์บันทึกเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ระหว่างที่ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมชนายกรัฐมนตรีของไทย พร้อมด้วยคณะข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำระดับสูง เดินทางเยือนผู้นำของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 30 มิถุนายน ถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2518 ซึ่งนับเป็นการเยือนจีนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของหัวหน้าคณะรัฐบาลไทย และเป็นการเปิดสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีน ประเทศมหาอำนาจแห่งโลกคอมมิวนิสต์ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการปรับฐานอำนาจทางการเมืองระหว่างประเทศปลายยุคสงครามเย็น


ภาพยนตร์นี้ถ่ายโดยช่างภาพของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9  ด้วยฟิล์มสี 16 มม. โดยมีทั้งภาพจากกล้องที่ยังไม่ได้ตัดต่อ ปะปนอยู่กับภาพที่ตัดต่อแล้วเพื่อออกอากาศ ซึ่งมีเสียงของ อาคม มกรานนท์ ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรนักจัดรายการชื่อดัง บรรยายประกอบเหตุการณ์ ทำให้ช่วงเวลาในหนังมีการสลับวันไปมา อย่างไรก็ตาม ยังปรากฏให้เห็นภาพเคลื่อนไหวที่มีคุณค่า เริ่มต้นจากภาพการต้อนรับคณะผู้นำไทยที่สนามบินกรุงปักกิ่ง โดยผู้นำระดับสูงของจีนที่นำโดย เติ้งเสี่ยวผิง ซึ่งขณะนั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี และได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี โจวเอินไหล ให้เป็นผู้ต้อนรับคณะจากไทย


เหตุการณ์สำคัญถัดมา คือการนั่งโต๊ะเจรจาและลงนาม ระหว่างคณะผู้นำของทั้งสองประเทศ แสดงภาพบุคคลสำคัญในวงการการต่างประเทศของไทยในสมัยนั้นที่ร่วมเดินทางไปกับ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ เช่น พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ, อานันท์ ปันยารชุน เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน, พล.อ.อ. สิทธิ์ เศวตศิลา และยังมีนักการทูตคนอื่น ๆ อีกเช่น นิสสัย เวชชาชีวะ ส่วนทางฝั่งจีน นอกเหนือจาก เติ้งเสี่ยวผิงและ โจวเอินไหล ยังปรากฏให้เห็นผู้นำคนอื่น ๆ อีกเช่น เฉียวกงหัว รัฐมนตรีต่างประเทศ และนายพลจูเต๋อ ขุนพลคนสำคัญของกองทัพจีน และประธานสภาประชาชนจีน


ถัดจากนั้น ภาพยนตร์จึงพาไปสู่เหตุการณ์ที่บ่งชี้ให้เห็นถึงพลังของความเป็นสื่อที่สามารถบันทึกภาพและเสียงอันเป็นประวัติศาสตร์โลกอย่างที่สื่ออื่นมิอาจกระทำได้ คือ งานเลี้ยงรับรองที่รัฐบาลจีนจัดให้คณะของไทย ซึ่งมีการกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีโดยผู้นำทั้งสองชาติ เริ่มต้นจาก เติ้งเสี่ยวผิง ที่ใช้เวลาอย่างเต็มที่ ด้วยการเท้าความตั้งแต่ถึงความสัมพันธ์อันเก่าแก่ระหว่างสองประเทศ ก่อนจะเริ่มพูดถึงประเด็นการเมือง ว่าด้วยการขยายอำนาจของชาติ “จักรวรรดินิยม” ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาตรง ๆ แต่เป็นที่เข้าใจได้ว่าหมายถึงชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา คู่ปรับทางอุดมการณ์ของจีนในขณะนั้น แต่เมื่อถึงคราวที่นายกรัฐมนตรีของไทยขึ้นกล่าว ม.ร.ว. คึกฤทธิ์  กลับกล่าวเพียงสั้น ๆ เพื่อขอบคุณการต้อนรับของจีน โดยไม่พูดถึงประเด็นการเมืองระหว่างประเทศใด ๆ  


นอกจากนี้ หอภาพยนตร์ยังอนุรักษ์ภาพยนตร์บันทึกเหตุการณ์สำคัญนี้ไว้อีกฉบับหนึ่ง ซึ่งถ่ายโดยช่างภาพของสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นฟิล์มขาวดำ ไม่มีเสียง ซึ่งส่วนมากเป็นภาพเหตุการณ์เดียวกับฉบับนี้ แตกต่างตรงที่มีภาพประวัติศาสตร์ที่ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ เข้าคารวะประธานาธิบดีเหมาเจ๋อตง ซึ่งสันนิษฐานว่าไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนต่างชาติเก็บภาพ ช่างภาพไทยจึงใช้ปฏิภาณบันทึกภาพเคลื่อนไหวจากหน้าจอโทรทัศน์ของจีนที่กำลังเผยแพร่เหตุการณ์ดังกล่าว  อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์ฉบับของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9  มีความละเอียด ครบถ้วน และบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบันทึกอารมณ์ความรู้สึกของบุคคลสำคัญทั้งสองฝ่ายซึ่งไม่อาจประจักษ์ได้จากสื่อบันทึกอื่น ๆ


ภาพยนตร์ชุดนี้จึงเป็นภาพบันทึกประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงของบริบทการเมืองโลก และการเมืองในภูมิภาค ซึ่งแสดงให้เห็นสถานะของประเทศไทยในยุคปลายสงครามเย็น ที่เป็นประเทศข้อต่อสำคัญเชิงภูมิรัฐศาสตร์ต่อทั้งสองขั้วอำนาจในโลก ในขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ยังถ่ายทอดให้เห็นรายละเอียด สีหน้า ท่าทาง รวมถึงสภาพบ้านเมืองและวิถีชีวิตผู้คนในกรุงปักกิ่ง ตั้งแต่ในสถานที่ราชการ ไปจนถึงตามท้องถนนและตรอกซอกซอยต่าง ๆ  อันเป็นภาพหายากจากโลกหลังม่านไม้ไผ่ ที่คนไทยในสมัยหนึ่งมองว่าเป็นดินแดนแห่งความลึกลับและน่ากลัว