ไม้สัก

ความยาว 31.25 นาที

ฟิล์ม 16 มม. / ขาว-ดำ / พากย์

อำนวยการสร้าง การรถไฟแห่งประเทศไทย

สร้าง ประดิษฐ์ เทศประสิทธิ์

ถ่ายภาพ ณรงค์ นะหุตานนท์

สร้างบท อุทัย อนันตสมบูรณ์

วิทยากร สมพันธ์ ปาณถึก

ประกอบเสียง ภิญโญ แก้วประสิทธิ์

ผู้บรรยาย พูนลาภ อนุมาน



เป็นตอนหนึ่งของภาพยนตร์สารคดีทางโทรทัศน์ชุด “สองข้างทางรถไฟ” ผลิตโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ออกอากาศเป็นประจำทางสถานีไทยโทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรหม ตอนละประมาณ 30 นาที เดือนละ 1 ครั้ง เป็นรายการภาพยนตร์สารคดีที่ได้ออกอากาศต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบปี ตั้งแต่ราวปี 2501 จนเลิกผลิตไปประมาณปี 2518 โดยมี นายประดิษฐ์ เทศประสิทธิ และ นายชัช วงศ์สงวน เป็นผู้อำนวยการสร้างรายการ และอยู่ในความดูแลของผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย สองข้างทางรถไฟเป็นรายการสารคดีท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสังคมร่วมสมัย เป็นภาพยนตร์สารคดีที่ถ่ายทำด้วยฟิล์ม ขาว-ดำ 16 มม. โดยปกติไม่มีการบันทึกเสียงในฟิล์ม แต่จะใช้วิธีให้ผู้บรรยายพากย์สดที่สถานีในขณะออกอากาศ ตลอดจนการเปิดเพลงและเสียงประกอบต่าง ๆ แต่พบว่ารายการตอนใด ได้รับความนิยมหรือดีเด่น จะมีการบันทึกเสียงในขณะออกอากาศและนำไปบันทึกลงในสำเนาฟิล์มภาพยนตร์เป็นก๊อปปี้พิเศษ


เริ่มต้น ภาพยนตร์เกริ่นด้วยภาพสถานีเด่นชัย ซึ่งเห็นช้างจำนวนหนึ่งกำลังทำงานยกขนท่อนซุงขึ้นบนรถบรรทุกของรถไฟ เสียงผู้บรรยายบอกว่าครั้งนี้จะพาผู้ชมไปสถานีเด่นชัย จังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นสถานีที่สำคัญในการขนส่งไม้สักจากป่าสูงของไทยไปยังกรุงเทพ เพื่อใช้ในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ ไม้สักเป็นสินค้าสำคัญของไทย ทำรายได้ปีละหลายร้อยล้านบาท ไม้สักไทยเป็นไม้ที่ดีที่สุดในโลก แข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา ไม่ยืดไม่หดง่าย สีสวย ตกแต่งง่าย ปลวกไม่กิน และลวดลายงดงามตามธรรมชาติ


จากนั้นภาพยนตร์ได้นำไปสู่ป่าสูง จากเด่นชัยไปสถานีบ้านพิน แล้วคณะถ่ายทำภาพยนตร์เดินทางด้วยรถจิ๊ปเข้าสู่ป่าของจังหวัดแพร่  ไปยังป่าสวนสักในความดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กรมป่าไม้ ที่ตำบลแม่ตา ซึ่งได้มีการปลูกต้นสักเพื่อทำไม้มาราวยี่สิบปีแล้ว โดยมีการปลูกทดแทนการตัดทุกปี คำบรรยายอวดว่าไม้สักที่ป่านี้ได้ชื่อว่าเป็นไม้สักที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก


ภาพยนตร์แสดงให้เห็นวิธีการและกระบวนการตัดโค่นไม้ ว่าเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จะออกสำรวจไม้ทุกวัน รู้จักต้นไม้ทุกต้น จะรู้ว่าต้นใดสมควรโค่น ก็จะตีตรา เจ้าหน้าที่จะเลื่อยโคนต้นสัก ตัดน้ำเลี้ยงให้ยืนต้นตายเป็นเวลาราวสองปี ไม้จึงจะแห้งและน้ำหนักเบา สะดวกแก่การโค่นและขนย้าย ในการตัดโค่นไม้ก็มีวิธีการควบคุม เจ้าพนักงานจะใช้ขวานและเลื่อย ต้องตัดในจุดที่เหมาะสม ควบคุมทิศทางที่ไม้จะล้ม ไม่ให้ไปโดนไม้อื่น ไม่ให้ขวางลำธารเป็นต้น เมื่อโค่นแล้ว จะต้องมีการวัดขาดความยาวและความกว้างของไม้ มีการตีตรา เพื่อไม่ให้มีการนำไม้แปลกปลอมเข้ามา


พูดถึงป่าก็ต้องพูดถึงช้างด้วย เพราะว่าช้างเป็นหัวใจของการทำป่าไม้ เสียงบรรยายบอกว่า ช้างไทยฉลาดฝึกง่าย  จงรักภักดีต่อเจ้าของ ผิดกับช้างอัฟริกาซึ่งดุและไม่เชื่อง ช้างทำงานในป่าได้ดี ที่ใดที่รถยนต์เข้าไม่ถึง ช้างเข้าได้ ช้างในป่าแพร่มีราคาตัวละเป็นหมื่น ๆ บาท เลี้ยงง่าย เพราะช้างกินหญ้า ช้างนอนวันละ 4 ชั่วโมง คือ ห้าทุ่มถึงตีสาม ภาพยนตร์แสดงให้เห็นขั้นตอนการเตรียมช้างออกทำงานในป่าอย่างละเอียด ต้องบรรทุกอะไร และต้องล่ามโซ่เท้าเพื่อป้องกันไม่ให้ช้างสะบัดเตลิดหนีเมื่อเหนื่อยจากการทำงานหนักหรือเมื่อตกมัน  เขาจะให้ช้างทำงานชักลากซุงตั้งแต่เช้าถึงกลางวัน บ่ายปล่อยให้พัก ทำห้าวันจะให้พักสองวัน แต่ภาพยนตร์ก็บรรยายว่าบางครั้งช้างต้องทำงานหนัก โดยเฉพาะการชักลากซุงท่อนใหญ่ ๆ ในพื้นที่รกชัฏ ถึงกับร้องลั่นป่า  ภาพยนตร์แสดงให้เห็นช้างทำงานชักลากซุงที่พนักงานตัดไว้ มากองรวมกัน และงัดขึ้นรถบรรทุกที่เข้ามารับขนออกจากป่าไปสถานีรถไฟ


ภาพยนตร์บรรยายในช่วงท้ายว่า การรถไฟภาคภูมิใจที่มีส่วนสำคัญในการทำอุตสาหกรรมป่าไม้ของไทย ช่วยขนส่งไม้สักอันมีค่าไปสู่ตลาดโลก สถานีรถไฟหลายสิบแห่งในตลอดภาคเหนือล้วนเป็นจุดขนส่งไม้จากป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ของไทย ที่เชียงใหม่เป็นจุดใหญ่ที่สุด มีปริมาณไม้เดือนละถึงพันตัน  ที่สถานีเด่นชัยมีเดือนละราวร้อยตัน แต่เป็นจุดที่มีไม้สักคุณภาพดีที่สุดของโลก  ขอให้คนไทยเรารักและหวงแหนป่าซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่ายิ่งนี้ให้อยู่คู่บ้านเมืองตลอดไป

 


สุดท้าย ภาพยนตร์ได้พาไปชมร้านแกะสลักไม้สักแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนางงามเชียงใหม่เป็นผู้นำชม ให้เห็นว่าเป็นการนำตอไม้สักและเศษไม้สักมาแกะสลักเป็นรูปช้างและอื่น ๆ เป็นสินค้าพื้นเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยม ฝีมือดีและราคาไม่แพง

 


ภาพยนตร์นี้ จึงมีคุณค่าเป็นตัวอย่างของภาพยนตร์สารคดีทางโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งรายการหนึ่งในประเทศไทย ในระหว่างปี 2500 – 2518 ภาพการทำป่าไม้ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ซึ่งกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ไปแล้ว