เนาวรัตน์ วัชรา

ดาวดวงที่ 83

ชื่อในการแสดง เนาวรัตน์ วัชรา

ชื่อ-นามสกุลจริง เนาวรัตน์ ลำยาน

วันเกิด 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2492

พิมพ์มือลานดารา 17 กันยายน พ.ศ. 2552


เนาวรัตน์ มีชื่อเล่นว่า แหม่ม เกิดที่จังหวัดสกลนคร คุณพ่อเป็นแขกปาทาน แต่มาเติบโตที่กรุงเทพมหานคร เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดเศวตฉัตร จบชั้นมัธยม 3 ในปี 2507 ระหว่างกำลังจะจบนั้น ชุลี ใจยงค์ แห่งร้านเสริมสวยดาราพร ก็มาชักชวนเนาวรัตน์ให้ไปประกวดนางงามบพิตรบอล ใช้ชื่อว่า อรัญญา ดาราพร และก็คว้าตำแหน่งนางงามมาได้ ต่อมาไปคว้าตำแหน่งนางงามสงกรานต์วิสุทธิกษัตริย์ได้อีก จึงส่งเข้าประกวดนางสาวไทยในงานวชิราวุธานุสรณ์ ปี 2507 ใช้ชื่อว่า เนาวรัตน์ วัชรา โดย “วัชรา” เป็นชื่อร้านเสริมสวยของสปอนเซอร์อยู่แถวราชวัตร ซึ่งเนาวรัตน์ก็ได้ตำแหน่งรองนางสาวไทย ส่วนนางสาวไทยก็คือ อาภัสรา หงสกุล ต่อมา ประเดิม เขมะศรีสุวรรณ ติดต่อให้แสดงภาพยนตร์ที่อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวสยามคือ โดม แดนไทย จะสร้าเรื่อง เดือนร้าว โดยจะได้แสดงคู่กับ มิตร ชัยบัญชา เธอจึงตอบตกลงเพราะเคยใฝ่ฝันว่า ถ้าเป็นนางเอกหนัง ก็อยากจะแสดงคู่กับ มิตร ชัยบัญชา แต่พอถึงคราวต้องถ่ายทำจริง ๆ เธอกับประหม่าและเกือบแสดงไม่ได้ กระทั่งวิจิตร คุณาวุฒิ ผู้กำกับต้องเอ็ดเอาและมิตรก็ต้องให้คำแนะนำ ให้กำลังใจจนถ่ายจบ


เดือนร้าว เข้าฉายเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2508 ที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง ต่อมาในการประกาศรางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 7 ปี 2509 เนาวรัตน์ วัชรา ก็ได้รับรางวัลนางเอกตุ๊กตาทองจากภาพยนตร์เรื่องนี้ จากนั้นก็มีผลงานภาพยนตร์แสดงอีกหลายเรื่อง เช่น ลมกรด (2509 สมบัติ) น้ำฝน (2510 ลือชัย) จุฬาตรีคูณ (2510 มิตร-สมบัติ-เพชรา) นักเลงสี่แคว (2510 มิตร) สายพิณ (2511 สมบัติ) จ้าวแผ่นดิน (2511 สมบัติ) เดชผีดิบ (2511 สมบัติ) ทรายแก้ว (2511 สมบัติ) ฝนหลงฟ้า (2511 สมบัติ) เจ้าแพร (2512 สมบัติ) ขุนทาส (2513 มิตร) มหาโจรองคุลีมาล (2513 ภุชงค์) แว่วเสียงซึง (2514 สมบัติ-อรัญญา) พี่สาว (2514 ครรชิต) ไม่มีวันที่เราจะพรากจากกัน (2514 สมบัติ) จันทร์เพ็ญ (2515 สมบัติ-อรัญญา) แคนลำโขง (2515 สมบัติ-อรัญญา) รักต้องห้าม (2515 สมบัติ-พิศมัย-กำธร) แม่อายสะอื้น (2515 สมบัติ-ทัศน์วรรณ) จ้าวทุ่ง (2516 กรุง-เอก-อรัญญา)


แม้ เนาวรัตน์ วัชรา จะผ่านการแสดงมาหลายบทบาท แต่ที่แฟนภาพยนตร์ให้ความนิยมชมชอบมากที่สุด ก็เห็นจะเป็นบทบาทดาราเจ้าน้ำตา ผู้สร้างจึงมักจะมอบบทชีวิตหนัก ๆ ที่แสนจะรันทดหรือบทรักแท้ที่ต้องเสียสละจนเกินเหตุ หรือแม้กระทั่งบทรักมากที่ต้องแค้นมากให้เนาวรัตน์อยู่เสมอ 


ขณะที่เนาวรัตน์ไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง แม่อายสะอื้น ที่จังหวัดภูเก็ต ก็พบรักกับเศรษฐีภูเก็ต กระทั่งตกลงปลงใจแต่งงาน จากนั้นเนาวรัตน์ก็ย้ายกไปอยู่กับสามีที่ภูเก็ตและมีบุตรด้วยกัน แม่อายสะอื้นจึงเป็นภาพยนตร์เรื่องท้ายสุดที่แสดงไว้ ก่อนที่เนาวรัตน์จะกลับเข้ามาแสดงภาพยนตร์อีก 4 เรื่องสุดท้ายคือ ดอกไม้ร่วงที่แม่ริม (2522 สรพงษ์-พิศมัย) เสียงซึงที่สันทราย (2523 สมบัติ-สุพรรษา), วันที่แม่รอ (2524 สมบัติ-ศศิมา) ลูกเหนือ (2525 สมบัติ) จากนั้นก็หันไปประกอบธุรกิจส่วนตัว