โดย กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน
ตีพิมพ์ครั้งแรกในจดหมายข่าวหอภาพยนตร์ ฉบับที่ 17 กันยายน-ตุลาคม 2556
ปี 2509 ผมเป็นนิสิตชั้นปีที่ 4 ของคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แต่เรื่องการดูหนังนั้น น่าจะประมาณปีที่ 16-17 แล้ว นอกจากหนังที่ฉายปกติตามโรงทั่วไป ก็ยังมีหนังตามสถาบันต่าง ๆ ให้ได้ดูกันอีกด้วย เช่น ที่สมาคมฝรั่งเศส สาทร, สถาบันเกอเต้ ถนนพระอาทิตย์ ซึ่งจะมีหนังดี ๆ ที่เราไม่มีโอกาสได้ดูตามโรง มาฉายให้ดูกันเป็นประจำ ส่วนหนังอเมริกันที่สถาบันเอ. ยู. เอ. จัดเป็นครั้งคราวแบบเทศกาล มักจะเป็นหนังรุ่นเก่า เพราะหนังใหม่ ๆ ก็มีฉายตามโรงอยู่แล้ว
อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนที่เป็นคอหนังด้วยกันก็มาบอกว่า มีหนังมาฉายที่ห้องประชุมภาควิชาสถิติ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ซึ่งอยู่ติดกับคณะรัฐศาสตร์ ดารานำแสดงคือ วอร์เรน เบตตี้ หนุ่มหล่อขวัญใจวัยรุ่นในขณะนั้น เราเลยชวนกันไปดู
หนังเรื่องนั้นคือ Mickey One (1965) เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของ วอร์เรน เบตตี้ และผู้กำกับ อาร์เธอร์ เพนน์ ก่อนที่จะมาโด่งดังด้วยกัน (รวมทั้ง เฟย์ ดันนะเวย์) ใน Bonnie and Clyde
ที่น่าสังเกตในตอนนั้นก็คือ ผู้ที่มาดูหนังมีประมาณ 40-50 คน เป็นฝรั่งเกือบทั้งหมด คนไทย รวมทั้งผมและเพื่อน มีอยู่ไม่ถึงสิบคน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเรา เพราะช่วงนั้น อีกแห่งที่เราไปดูหนังกันเป็นประจำก็คือโรงหนังศรีกรุง ที่ปากซอยอโศก ฉายหนังทั่วไป ซึ่งคนดูก็มีแต่พวกฝรั่งที่บ้านอยู่แถวสุขุมวิท

ก่อนหนังฉาย พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ทรงเป็นผู้กล่าวแนะนำหนังเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเล็กลงไปอีกถนัดใจ
ผมแน่ใจว่าไม่ได้จ่ายเงินค่าดูหนังในคราวนั้น อาจเป็นเพราะว่ายังคงสถานภาพนิสิตอยู่ มีโอกาสได้ดูหนังในโปรแกรมนั้นอีก 2-3 เรื่อง และเรื่องหนึ่งคือ The Virgin Spring (1961) ของ อิงมาร์ เบิร์กแมน ผู้กำกับชาวสวีเดน
จนเรื่องสุดท้ายของโปรแกรม ผมจึงได้รับแจกโปรแกรมต่อไปที่จะเริ่มในเดือนสิงหาคม และได้ทราบว่าการฉายหนังครั้งนี้ ทำในนามของสมาคมฟิล์มแห่งประเทศไทย
Film Society of Thailand ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2504 โดยมี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล เป็นนายกสโมสร พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร เป็นประธานกรรมการ คณะกรรมการเท่าที่ดูจากรายชื่อ เป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่จากสถานทูตต่างประเทศในเมืองไทย มีทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน กิจกรรมสำคัญของสมาคมก็คือ จัดฉายหนังนานาชาติที่หาดูได้ยากทั้งเก่าและใหม่ ปีละสองครั้ง เข้าใจว่าจะไม่มีการเก็บค่าสมาชิก นอกจากค่าดูหนังโปรแกรมละ 75 บาท (6 เรื่อง) หนังที่นำมาฉายก็ได้รับการสนับสนุนจากสถานทูต สถาบันวัฒนธรรม และตัวแทนบริษัทหนังในเมืองไทยขณะนั้น

หลังจากจบโปรแกรมแรกไป ผมก็จ่ายเงิน 75 บาท สำหรับโปรแกรมต่อไปซึ่งจะเริ่มในเดือนสิงหาคม คราวนี้มีหนัง 6 เรื่องจาก 6 ประเทศ ทั้งไทย อังกฤษ อเมริกา เยอรมนี จีน และญี่ปุ่น จบโปรแกรมนี้ ผมก็กรอกใบสมัครสำหรับโปรแกรมต่อไปไว้อีก แต่ลืมไปแล้วว่าเป็นเพราะอะไร จึงไม่ได้ส่งใบสมัครไป
หลังจากนั้น ผมก็จบการศึกษา เลยขาดการติดต่อกับทางสมาคมไป และไม่ได้ข่าวคราวเกี่ยวกับสมาคมนี้อีกเลย เช่นเดียวกับที่ไม่เคยได้ข่าวคราวเกี่ยวกับสมาคมนี้มาก่อน ไม่ว่าจะทางสื่อไหน
แต่ก็สมควรจะได้บันทึกไว้ว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ทรงเป็นคนแรกที่ก่อตั้งสมาคมฟิล์มและจัดภาพยนตร์สโมสรขึ้นมาในประเทศไทย