“จักรวาลไทบ้าน” ผลงานหนังสือโดยทีมงานไทบ้าน ซึ่งปัจจุบันนี้จักรวาลไทบ้านเป็นองค์กรที่สร้างผลงานความบันเทิงในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านภาพยนตร์ที่สร้างปรากฏการณ์หลายอย่างให้วงการภาพยนตร์ไทย ตั้งแต่ ไทบ้านเดอะซีรีส์ ภาคหลักและภาคแยก จนถึง สัปเหร่อ ซึ่งคำบอกเล่าผ่านบทสัมภาษณ์ในเล่มนี้เสมือนเป็นการบันทึกภูมิหลังของกลุ่มคนที่ต้องการถ่ายทอดวิถีชีวิตของชาวอีสานผ่านภาพยนตร์ที่สมจริง เข้าถึงง่าย และเส้นทางก่อนที่พวกเขาจะประกอบสร้างทั้งสามบริษัทในจักรวาลไทบ้าน คือ เซิ้ง โปรดักชั่น, เซิ้ง มิวสิก และ ไทบ้าน สตูดิโอ โดยหนังสือวางโครงสร้างการเล่าเรื่องออกเป็น 4 ส่วนหลัก และส่วนที่ 5 เป็นการปิดท้ายเล่มด้วย 2 บทความ เราไปเปิดหนังสือจำนวน 400 หน้า เล่มนี้กันว่าทีมไทบ้านผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง
1. จักรวาลเริ่มต้น กล่าวถึงจุดกำเนิดและแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์ ไทบ้านเดอะซีรีส์ ตั้งแต่การเขียนบท การหาทุนสร้าง การถ่ายทำ และการทำงานเป็นทีม ด้วยการสัมภาษณ์ 6 บุคคลที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง “จักรวาลไทบ้าน” เช่น สุรศักดิ์ ป้องศร หนึ่งในผู้ร่วมบุกเบิกสตูดิโอแห่งนี้ ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ เขาเล่าว่าสายงานที่สนใจมี 2 สายหลัก คือ 1. การทดลอง การเรียนรู้ และ 2. ด้านศิลปะ ด้านการเล่าเรื่อง ซึ่งเขาอยากเป็นนักเล่าเรื่องที่สื่อสารสิ่งต่าง ๆ ในความคิดของเขาให้ทุกคนได้เห็น ได้รับรู้ แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลง สิ่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาจับกล้องเพื่อบันทึกเรื่องราวที่อยากเล่า ซึ่งตั้งแต่มัธยมต้น เขาเริ่มลงมือทำสารคดี สกู๊ปข่าว โฆษณา มิวสิกวิดีโอ จนกระทั่งส่งหนังสั้นเข้าประกวดในโครงการ JENESYS และได้อันดับ 1 ในระดับเอเชียจากหนังสั้นที่เข้าประกวดกว่า 600 เรื่อง หลังจากนั้นเขาบอกกับตัวเองว่าจะไม่ทำหนังสั้นแล้ว อยากทำหนังสำหรับเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เขาเริ่มเตรียมโปรเจกต์ ไทบ้านเดอะซีรีส์ ภาคแรก ทั้งบทและโครงสร้างประมาณ 2 ปี และพยายามหาทุนเพื่อสร้างให้สำเร็จ โดยเริ่มจากถ่ายทำฉากสำคัญและนำตัวอย่างงานชิ้นนี้ไปขายราว 40-50 เจ้าในช่วงระยะเวลา 6 เดือน แต่ก็ไม่ได้สปอนเซอร์เลย

2. จักรวาลดารา ส่วนนี้เน้นการสัมภาษณ์นักแสดง 10 คน ที่ได้ร่วมงาน ไทบ้านเดอะซีรีส์ โดยบุคคลที่ผ่านการแคสต์เป็นคนธรรมดาที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการแสดงมาก่อน เช่น ณัฐวุฒิ แสนยะบุตร (ด้งเด้ง) รับบท “จาลอด” เขาได้รับการชักชวนจาก “บักเม่น” เพื่อนซึ่งเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ม.1 ที่จังหวัดร้อยเอ็ด และเรียนต่อด้วยกันที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่เรียนคนละคณะ บักเม่นชวนด้งเด้งให้มาแคสต์ ซึ่งในเวลานั้นเป็นวันอาทิตย์ เขาต้องเร่งทำงานเขียนแบบเพื่อส่งให้ทันในวันจันทร์ ด้งเด้งลังเลจะไม่ไป แต่บักเม่นอ้อนวอนขอร้อง ในที่สุดเขายอมไปแคสต์ ซึ่งบทแรกที่ไปแคสต์เป็นตัวละคร “ป่อง” หลังจากนั้นสุรศักดิ์ (ผู้กำกับภาพยนตร์) ได้นำบทของตัวละคร “จาลอด” มาให้แคสต์ โดยที่เขาไม่ได้คาดหวังอะไรเลย เมื่อแคสต์จบเขารีบกลับไปเขียนแบบต่อ แต่ผลการคัดเลือกด้งเด้งได้เป็นนักแสดงในบท “จาลอด” ตอนที่ถ่ายทำจริงด้งเด้งแทบจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพราะว่าคาแรกเตอร์ภายนอกของจาลอดตรงกับความเป็นบักด้งเด้งราวกับเป็นคนเดียวกัน เขาแค่ใส่ลักษณะภายในเพิ่มเข้าไปให้มันเป็นจาลอดเท่านั้น
3. จักรวาลผู้สนับสนุน คือบุคคลหรือกลุ่มที่มีบทบาทสนับสนุนเงินทุนในการสร้างภาพยนตร์ ไทบ้านเดอะซีรีส์ และการขยายจักรวาลไทบ้านให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ปรากฏในเล่มนี้ได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของผู้สนับสนุน ไทบ้านเดอะซีรีส์ (2560) เช่น เอกวิชช์ ชัยรัฐบริบูรณ์ (เอก) ผู้ดำเนินกิจการโรงภาพยนตร์ในเครือ MVP จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ เลย กาฬสินธุ์ และอีกบทบาทหนึ่งคือจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ โดยเป็นผู้อยู่ระหว่างโรงภาพยนตร์กับผู้ผลิต เหตุที่เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับสายหนังจึงต้องหาข้อมูลอยู่เสมอว่า สตูดิโอไหนมีใครทำอะไรกันบ้าง เรื่องไหนน่าสนใจ ระหว่างหาข้อมูลก็ไปสะดุดตากับเทรลเลอร์หนัง 2-3 นาที ดูแล้วน่าสนใจ หลังจากนั้นเอกตัดสินใจทักเฟซบุ๊กไปหาทีมไทบ้านทันทีและนัดหมายให้มาพบกันที่บุรีรัมย์ พอมาเจอกัน ทีมไทบ้านบอกว่าได้รับเงินสนับสนุนจาก สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ (โต้ง) จำนวนสองล้านบาทแล้ว แต่ยังทำหนังไม่เสร็จ ยังขาดเงินอยู่ประมาณสี่แสนถึงห้าแสนบาท หลังจากที่ทีมงานไทบ้านกลับไป เอกตัดสินใจคุยกับ คมกฤช พิพัฒน์ภานุกูล (ปั้น) หนึ่งในผู้บริหาร Movie Partner ทั้งเอกและปั้นตัดสินใจให้เงินทีมไทบ้านอีกห้าแสนบาท เรื่องกำไรขาดทุนนั้นไม่เป็นไร เงื่อนไขเดียวคือทีมไทบ้านทำหนังให้เสร็จแล้วเอาหนังมาให้เอกจัดจำหน่ายในสายอีสาน

4. จักรวาลดนตรี เล่าเรื่องราวผ่านบทสัมภาษณ์ศิลปินและนักดนตรีที่เป็นทีมงานภายใต้เซิ้ง มิวสิก ได้แก่ ปรีชา ปัดภัย, บอย พนมไพร และ จิรพรรณ บุญชิต โดยประเด็นหลัก ๆ พวกเขาเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัว ผลงานด้านดนตรีและงานเพลง จนกระทั่งมาร่วมงานกับทีมไทบ้าน และความสำคัญของดนตรีที่เป็นส่วนหนึ่งในการเล่าเรื่องที่ช่วยสะท้อนวัฒนธรรมอีสานร่วมสมัยในภาพยนตร์ ไทบ้านเดอะซีรีส์ และส่งเสริมให้ภาพยนตร์เข้าถึงผู้ชมได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมถึงการทำงานเพลงประกอบภาพยนตร์มีบทบาทในการสร้างบรรยากาศและอารมณ์ของเรื่อง เช่น บ่เป็นหยัง เค้าเข้าใจ, ระเบิดเวลา, ยื้อ, กอดเสาเถียง และ ทดเวลาบาดเจ็บ จาก ไทบ้านเดอะซีรีส์ (2560) ได้รับรางวัลเพลงนำภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากงานประกาศรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 27
5. ปิดท้ายเล่ม นำเสนอบทความ อ่านอีสานแบบ (ไม่) Romantic: จาก ทองปาน และ ลูกอีสาน ถึง “จักรวาลไทบ้าน” เขียนโดย อัครพงษ์ ค่ำคูณ วิเคราะห์การมองอีสานผ่านมุมมองที่สะท้อนความจริงของชีวิตชนบท และวิเคราะห์เชื่อมโยงกับ ทองปาน (2520) และ ลูกอีสาน (2525) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่เคยบอกเล่าเรื่องราวของอีสานในอดีตว่า ไทบ้านเดอะซีรีส์ ได้ต่อยอดแนวคิดเหล่านี้และสะท้อนความเปลี่ยนแปลงของสังคมอีสานในยุคปัจจุบันอย่างไร
อีกบทความคือ ไทบ้านเดอะซีรีส์: บ้านเฮากะส่ำบ้านเฮา (ชีวิตโดยลำพังในแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง) โดย ภู กระดาษ สาระสำคัญของบทความเจาะลึกถึงแนวคิด ไทบ้านเดอะซีรีส์ ที่นำเสนอชีวิตชนบทแบบเรียลิสติก โดยเน้นความโดดเดี่ยวของตัวละครในบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้เขียนสะท้อนให้เห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เพียงแค่เล่าเรื่องของชาวบ้าน แต่ยังเป็นการตั้งคำถามถึงความหมายของ “บ้าน” และ “ชุมชน” ในยุคที่ผู้คนต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม
หนังสือมีให้บริการที่ห้องสมุดและโสตทัศสถาน เชิด ทรงศรี หอภาพยนตร์ เปิดบริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 9.30 น. - 17.30 น. หยุดวันจันทร์ ไม่เสียค่าใช้บริการ ค้นหาหนังสือเพิ่มเติมได้ที่ https://fapot.or.th/main/library