ปี 2568 เป็นปีครบรอบ 80 ปีการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และครบรอบ 50 ปีการสิ้นสุดสงครามเวียดนามที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามเย็น โปรแกรม “The Scars of War สงครามและบาดแผล” ชวนผู้ชมมาปะทะกับภาพยนตร์ทั้งใหม่และเก่า ไทยและเทศ อันว่าด้วยความขัดแย้ง การรุกราน ความรุนแรง การทวงสิทธิ์ความเป็นมนุษย์ และผลพวงจากสงครามทั้งที่มองเห็นในซากปรักหักพัง และที่มองไม่เห็นเพราะซุกซ่อนอยู่ในใจของตัวละคร
หนังใหม่ในโปรแกรมนี้ ได้แก่ The Brutalist (2567) หนึ่งในหนังชิงออสการ์ปีล่าสุด ว่าด้วยชีวิตของสถาปนิกชาวฮังกาเรียนที่หนีภัยสงครามไปเผชิญโชคในอเมริกา หนังที่ส่ง เอเดรียน โบรดี ได้รางวัลดาราชายยอดเยี่ยม ตามมาด้วย No Other Land (2567) สารคดียอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ ร่วมสร้างโดยผู้กำกับชาวยิวและปาเลสไตน์ ว่าด้วยชะตากรรมของหมู่บ้านในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกกองทัพอิสราเอลรุกราน หนังต่างประเทศอีกสองเรื่องเป็นหนังที่พูดถึงการแทรกแซงของอเมริกาในดินแดนอื่น ได้แก่ Jarhead (2548) และ Green Zone (2553) ส่วน Munich (2548) เป็นหนังทริลเลอร์ที่แสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งในตะวันออกกลางสามารถส่งแรงกระเพื่อมไปไกลกว่าต้นเหตุ
ประเทศไทยไม่เคยประสบกับสงครามเต็มรูปแบบ แต่มีหนังไทยไม่น้อยที่พูดถึงความขัดแย้งและการสู้รบในหลายวาระ เริ่มจาก ศึกบางระจัน (2509) หนังไทยรบพม่า อันเป็นตระกูลหนังไทยเฉพาะทางที่เห็นกันมาตลอดหลายสิบปี ก้าวมาสู่ยุคสงครามเย็นมีเรื่อง กัมพูชา (2528) และ แผ่นดินของใคร (2502) โดยเรื่องหลังนี้ยังแฝงความขัดแย้งเกี่ยวกับเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นประเด็นที่สืบเนื่องมานานและถ่ายทอดอยู่ในสารคดี ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง (2556) ความไม่สงบบริเวณชายแดนในโปรแกรมนี้ยังมี มือปืน 2 สาละวิน (2536) ในขณะที่หนังที่เกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้แก่ ยุวชนทหาร เปิดเทอมไปรบ (2543) และ สตางค์ (2543)
ในโปรแกรมนี้ยังมีภาพยนตร์ญี่ปุ่นอีก 2 เรื่องที่กล่าวถึงเรื่องราวและผลกระทบจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมา อันเป็นเหตุให้สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด คือ Sadako Story (2532) และ Barefoot Gen (2526) รวมถึง To the Ends of the World (2561) หนังฝรั่งเศสที่มีฉากหลังเป็นสงครามอินโดจีน ซึ่งร่วมจัดฉายอยู่ในโปรแกรมภาพยนตร์โลก